เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ ตอน อิสระ - เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ ตอน อิสระ นิยาย เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ ตอน อิสระ : Dek-D.com - Writer

    เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ ตอน อิสระ

    เงาดำที่เป็นเศษซากของวิญญาณ ถึงมันจะถูกประนามและเรียกขานว่าสัตว์นรก แต่ก็ใช่ว่ามันคือสิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็น แล้วอะไรกันล่ะที่กำหนดและสิ่งที่มันปรารถนานั้นจะเป็นจริงหรือไม่ โปรดติดตามได้ในเนื้อเรื่อง..

    ผู้เข้าชมรวม

    97

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    97

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ม.ค. 57 / 23:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                   "เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ"

                   เป็นโปรเจคเรื่องสั้นหลากหลายแนวและรูปแบบ ที่ผู้เขียนจะเขียนในแต่ละตอน ซึ่งทั้งหมดนี้จะสั้นเพียงแค่ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านแนวที่ตนชอบได้หรือจะอ่านทุกตอนที่ไม่ใช่แนวก็ไม่เสียเวลามากมาย

                   ฝาก "เรื่องบ้าๆหนึ่งหน้ากระดาษ" ไว้เป็นเพื่อนยามว่างหรือยามเหงาด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ........
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                     ณ โลกแห่งความตายที่น่าสะพรึงกลัวและน่าขยะแขยงที่สุด  พื้นแผ่นฟ้าที่ปกคลุมด้วยไอแห่งความตายสีแดงฉาน พื้นล่างมีเพียงพื้นสีดำ โขดหินมากมายและเหล่าวิญญาณซึ่งอดีตเคยเป็นมนุษย์ชั่วช้าสามานย์ ไร้สิ่งใดติดตัว มีเพียงผิวหนังอันบอบบางเพื่อรองรับการลงโทษจากยมทูต

                     กาลเวลาแห่งโลกสีโสมมนั้นเป็นชั่วนิรันดร์ เหมือนดั่งสิ่งที่เกือบมีชีวิตที่เกิดจากเศษจิตและวิญญาณคนตาย หลอมรวมกลายเป็นเงาสีดำสนิททั้งตัวไร้ใบหน้าเดินเร่รอนไร้จุดหมาย พวกมันเกิดและคงอยู่ในโลกนี้ไปชั่วกาลเช่นกัน

                     แต่หากมีหนึ่งเงาทมิฬที่คิดต่าง อยากออกไปดูภายนอกของไอสีแดงที่คุ้มหัวมันอยู่ ดังที่เหล่ายมทูตชอบเหล่าขานให้กันฟัง โลกที่ทำให้พวกนั้นคุยกันด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมันเป็นอย่างไร เงาทมิฬตนนั้นจึงก้าวเดินอย่างมีจุดหมายเพื่อตามหาสิ่งที่ตนปรารถนาเหมือนทุกๆครั้ง

                     ยมทูต______________”

                     ร่างเงาสีดำสนิทผอมสูงยืนงอตัวสภาพเหมือนไร้เรี่ยวแรงและสั่นตลอดเวลาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้งแผ่วเบากับผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสองคนซึ่งมีร่างอยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำและพวกเขามีใบหน้ารูปร่างเหมือนมนุษย์เพียงแต่มีผิวกายเป็นสีแดง

                     มีอะไร! สัตว์นรก!”

                     น้ำเสียงตะคอกดุดันนั้นบอกได้ดีว่าไม่อยากที่จะเสวนาด้วยแม้แต่น้อย

                     ช่วยบอกวิธี________ ขึ้นไปบนโลกมนุษย์ให้ข้า__________”

                     นี่แกอีกแล้วเรอะ! ข้าบอกกี่ทีแล้ว! ว่าสัตว์นรกอย่างแกน่ะก็เป็นได้แค่สัตว์อยู่อย่างไร้ค่าที่นี่เท่านั้น อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มีชีวิตนะโว้ย!”  

                     สิ่งที่ถูกยมทูตเรียกขานว่าสัตว์นรกยังไม่ทันเอ่ยสิ่งที่ตนอยากร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกขัดด้วยความโมโหเดือดดานจากอีกฝ่ายทันที

                     ข้า________ วิงวอน__________”

                     ฮ้าๆๆ!”

                     ยมทูตอีกตนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาทันที และตามด้วยคำพูดเหยียดหยามจากยมทูตอีกตน

                     วิงวอนหรอ! สัตว์อย่างแกไปรู้จักคำพูดของมนุษย์แบบนั้นมาจากไหนกันว๊ะ! อย่าเที่ยวไปถามยมทูตคนไหนอีกเชียวล่ะ เพราะถึงแกจะอยู่ไปได้ตลอดกาลแต่ถ้ายมทูตรำคาญขึ้นมาและคิดจะสลายร่างแกมันก็ไม่ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วแกก็จะหายไปเหมือนฝุ่นผงนะโว้ย!”

                     สัตว์นรกที่ถูกตะคอกใส่ตัวงอจนสั่นกว่าปกติเพราะความหวาดเกรง แต่ก็คงยังอยากรู้ให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ จึงแหงนหน้าขึ้นมองและเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

                     ข้า_____ ขอ_____ วิงวอน________”

                     บังอาจ_________ ”  

                     ทันใดนั้นเอง เพี๊ย!!!!!!!!

                     โอ้ยยยยย!!!!!!!___________”

                     แซ่หนามจากมือยมทูตฟาดใส่ตัวของสัตว์นรกเข้าอย่างจัง จนมันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแสนหัส เพราะถึงแม้แซ่นั้นจะเป็นอาวุธที่ใช้ลงโทษวิญญาณเท่านั้นแต่มันก็ถือกำเนิดจากวิญญาณเหล่านี้เช่นกัน จึงเจ็บปวดทรมานไม่ต่างอะไรกันเลย ซึ่งยมทูตก็ฟาดใส่มันด้วยความหงุดหงิดไม่หยุด  

                     เพี๊ยๆๆๆ!!!!!!!!

                     แกน่ะ! แค่โชคดีได้เกิดมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว  อย่าสะเออะอวดดีขึ้นมานะโว้ย ถ้ามีคราวหน้าอีกข้าจะสลายร่างของแกทิ้งซะ ไสหัวไปเลยไป๊ ไอ้สัตว์นรก!..........

                     สิ้นเสียงขับไล่หรือเพราะความเจ็บปวดจนทนไม่ไหว เงาทมิฬจึงรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนทันที

                     ฮือ!___________”

                     เสียงครางเบาๆดังมาจากใต้โขดหินเพื่อใช้เป็นวิธีรักษาอาการเจ็บปวดเพียงวิธีเดียวจนกว่ากาลเวลาจะรักษาความเจ็บนี้ให้หายไป เงาทมิฬที่ถูกเรียกว่าสัตว์นรกซึ่งมันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกเช่นนั้น มันนั่งมองดูเหล่ายมทูตไล่ต้อนลงโทษวิญญาณในนรกที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

                     ยิ่งมันจ้องดูไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่ตัวมันได้รับ มันก็ยิ่งไม่เข้าใจว่ามันกับเงาดำที่เหมือนมันเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่ ไม่ใช่เกิดมาลงโทษพวกไหนและไม่ใช่เกิดมาเพื่อให้พวกไหนลงโทษ

                     มันนั่งลูบแขนลูบตัวอยู่นานจนในที่สุดก็หายเจ็บปวดและตอนนั้นเองที่มันคิดได้ว่า ในเมื่อไม่รู้จะมีตัวตนอยู่ไปทำไมก็สู้เสี่ยงที่ต้องสลายไปเพื่อชิงโอกาสที่ตนจะได้ออกไปสู่โลกอื่นที่มันไม่รู้จักดีกว่า

                     ว่าแล้วมันก็คิดอะไรได้บางอย่าง จึงเริ่มออกเดินทางตามยมทูตตนแล้วตนเล่าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับลำแสงสีขาวที่พุ่งทะยานออกไปนอกไอแดงที่เป็นดั่งผืนฟ้าของโลกทั้งใบของมัน

                     มันเฝ้าดูในหลืบหินอยู่นานจนในที่สุดมันก็เข้าใจ การออกไปด้านบนและการเอาตัวรอด ซึ่งบริเวณนี้ป้องกันแค่เหล่าวิญญาณแต่ไม่มีอะไรกันสัตว์นรกที่คิดผิดแผกอย่างมัน จึงไม่มียมทูตคนไหนระแวง

                     และในที่สุดเมื่อสบโอกาสเหมาะเจาะมันจึงแอบย่องไปขโมยปีกและเม็ดหินชีวิตสีฟ้าสุกสกาวของยมทูตตอนเผลอ และทันทีนั้นมันก็วิ่งเข้าไปในลำแสง เหล่ายมทูตที่เข้าออกลำแสงนั้นต่างเห็นมันแต่ก็ไม่ทันที่จะเข้าไปจับกุม ร่างของมันก็พุ่งขึ้นไปสู่โลกมนุษย์แล้ว

                     ในลำแสงสีขาวนั้นทำให้มันรู้สึกได้ทันทีว่าตอนนี้มันได้ถือกำเนิดและมีชีวิตอย่างแท้จริง ลำแสงที่ไม่มีกลิ่นทำให้มันรู้ว่าโลกเบื้องล่างเหม็นเน่าโสโครกเพียงใด ภายใต้ลำแสงที่ยังไร้จุดหมาย มันเอาปีกเล็กๆติดไว้ที่หลังและทันใดนั้นเอง ปีกสีขาวก็ขยายใหญ่ขึ้น

                     เมื่อลำแสงสีขาวสิ้นสุด ก็เผยให้เห็นเบื้องบนเป็นสีฟ้าเวิ้งว้าง มีบางสิ่งที่เป็นสีขาวปุยๆลอยเอื่อยๆดูแล้วสบายตา ด้านล่างที่มันบินอยู่ด้วยแรงปีก คือผืนดินที่ปกคลุมด้วยบางสิ่งสีเขียวดูสดชื่นมีชีวิตชีวา และบางอย่างที่เป็นของเหลวไหลเป็นสายยาวจนสุดสายตา มันรู้ได้ทันทีว่าโลกนี้มีอะไรให้มันได้ค้นหาได้รู้จักโดยไม่รู้เบื่อ

                     มันบินไปเรื่อยๆจนเจอสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่จำนวนมากและฝูงมนุษย์เดินสวนกันจนวุ่นวาย มันจึงเอาเม็ดหินชีวิตอมไว้ใต้ลิ้น ทันใดนั้นเองมันก็มีหน้าตามีเลือดเนื้อ มีความหนักอึ้งที่อกข้างซ้าย

                     เสื้อผ้าอาภรณ์ของมนุษย์ก็ปรากฏบนร่างมัน ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับมนุษย์บนโลกเลยสักนิด มันเอาปีกออกเก็บและเดินปะปนไปกับมนุษย์เหล่านั้น

                     ซึ่งมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าเหล่ายมทูตต้องออกตามล่ามันอย่างแน่นอนแต่นั่นก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปเพราะ.........

                     นี่คือชีวิตที่ข้าเลือกเอง ข้าไม่ได้หลบซ่อน ข้าไม่ได้หนี

                     ข้าจะเดินต่อไปยังที่ที่ข้าไม่เคยไป ข้าจะออกวิ่งหากใจข้าปรารถนา

                     พวกเจ้าไม่ได้ตามล่าข้าอย่างที่เข้าใจ______

                     พวกเจ้าก็แค่________ วิ่งตามก้นข้าก็เท่านั้น_______________________” __________________________________________

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×